วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Excalibur Round Table นาฬิกาอัศวินโต๊ะกลม อาณาจักรโบราณ

Excalibur Round Table นาฬิกาอัศวินโต๊ะกลม อาณาจักรโบราณ
วันนี้ขอนำนาฬิกาที่สร้างโดยนำเอาคอนเซปต์ของอาณาจักรโบราณ นั่นคือนาฬิการุ่นพิเศษ Excalibur Round Table ของ โรเช่ ดูบุยส์ (Roger Dubuis) ที่ออกแบบให้มีหน้าตาเป็นโต๊ะกลมที่เหล่าอัศวินได้ใช้เป็นที่ประชุมกันในสมัยของกษัตริย์อาเธอร์ (King Arthur) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความกล้าหาญ และความมีเมตตาโอบอ้อมอารี  จึงเป็นแรงบันดาลใจให้มีนาฬิกา Excalibur Round รุ่นนี้ออกมา
Excalibur Round  ได้รับการออกแบบมาจากแรงบันดาลใจของอัศวินที่ใช้โต๊ะกลมเป็นที่สำหรับประชุมกัน ซึ่งหมายความว่าโต๊ะกลมนั้นไม่มีหัวโต๊ะ หรือไม่มีประธานนั่นเอง  ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด  จึงใช้โต๊ะกลมประชุมกันของเหล่าอัศวินทั้งหลายที่มีประมาณ 25 คน ตามที่มีรายชื่อปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์ 
Excalibur Round ออกแบบหน้าปัดนาฬิกามีสีสันที่สุดคลาสิกเป็นอย่างยิ่ง  มีเหล่าอัศวินถือดาบยืนรอบบนหน้าปัทม์นาฬิกาเป็นตัวบอกเวลา  พื้นหน้าปัทม์ลงยาออกแบบเป็นสีเีขียวสลับสีขาวพร้อมขลิบทองชมพูเป็นตัวแบ่งระหว่างสี   ตัวเรือนทำจากทองชมพูมีขนาด 48 มิลลิเมตร พร้อมเหล่าอัศวินสีทองทั้ง 12 ยืนถือดาบอยู่รอบ ๆ ครบทั้ง 12 ตำแหน่งเวลา
ความมีเสน่ห์ของนาฬิกา Excalibur Round รุ่นนี้นอกจากมีเพียง 88 เรือนแล้ว ออกแบบตามรหัสของเอ็กซ์คาลิเบอร์ นาฬิกาทั้งเรือนยังได้รับการประทับตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพอันทรงเกียรติ เจนีวา ซีล (Geneva Seal) ซึ่งภายในหน้าปัทม์นาฬิกาจะมีกลไกพิเศษอัตโนมัติ Calibre RD 821 เป็นสุดยอดของรุ่นเลยทีเดียว
ในส่วนตัวแล้ว Excalibur Round ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างยิ่งเพราะว่ามีเพียง 88 เรือนเท่านั้น  และการดีไซน์ก็สุดจะบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ แนวคิด แรงบันดาลใจ สุดล้วนแต่มีความหมาย วัสดุชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีที่สุดจริง ๆ ส่วนเรื่องราคานั้นก็ลองประมาณดูก็แล้วกันว่าน่าจะเท่าไรเพราะมีเพียง 88 เรือนเท่านั้นเอง

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

PR Nixon 48-20 รุ่นพิเศษ 8 เรือนในไทยจาก 482 เรือนทั่วโลก

PR Nixon 48-20 รุ่นพิเศษ 8 เรือนในไทยจาก 482 เรือนทั่วโลก
PR Nixon รุ่นพิเศษ แบรนด์ดังจาก USA ซึ่งมาเมืองไทยเพียง 8 เรือนเท่านั้น  ซึ่งรุ่นระดับท๊อปจาก Nixon   ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างยิ่ง  เพราะการสร้างรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมาตรวัดความเร็วรถแข่งระดับโลก ซึ่งหน้าปัดนาฬิกาได้รับออกแบบได้เก๋มากตามแรงบันดาลใจจริง ๆ เลย    ซึ่งรุ่น PR Nixon รุ่นนี้สร้างเพียง 482 เรือนเท่านั้น  และทุกเรือนก็สลักหมายเลขประจำเครื่องไว้ด้วย  เพื่อรับประกันความแท้แท่นอน  
PR Nixon รุ่นพิเศษ 48-20 Chrono  Limited Edition  มาเมืองไทยตรงกับ Summer โดยเฉพาะเลย  สำหรับการออกแบบในรุ่นพิเศษรุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซด์ได้ดีไซด์ได้โดดเด่น สวยงาม ตรงกับแรงบันดาลใจ เก๋ไก๋สุด ๆ จะเห็นได้จากมีหน้าปัทม์ ตัวเรือน ปุ่มจับเวลา และเข็มมีการเติมสีสันได้อย่างลงตัวสวยงามมาก  หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้วัสดุก็สุดยอด  
PR Nixon รุ่นพิเศษนี้ตัวเครื่องเป็นของ Japanese Quartz  ซึ่งสามารถป้องกันแรงดันน้ำได้ที่ 20 ATM  สำหรับเมืองไทยรู้สึกว่าจะมีขายที่พารากอน หรือลองสอบถามที่ NIXON THAILAND ดูก็แล้วกันว่าที่ไหนอย่างไร  ราคาเท่าไร  สำหรับนักสะสมบอกได้เลยว่างานนี้ไม่ควรพลาดเพราะว่ามีแค่ 8 เรือนเท่านั้น 

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Ninja Time นาฬิกานินจา ดูเวลาแบบไม่ธรรมดา สอดส่ายสายตาแบบนินจา


Ninja Time นาฬิกานินจา ดูเวลาแบบไม่ธรรมดา สอดส่ายสายตาแบบนินจา
วันนี้ขอนำนาฬิกาแบบไม่ธรรมดา สอดส่ายสายตากลิ้งไปกลิ้งมาให้ฮากันแบบงง ๆ ว่าเวลากี่โมงแล้ว  ต้องขอบอกว่านักออกแบบนาฬิกาเขาช่างมีไอเดียที่สุดแสนจะบันเจิดเสียจริง ๆ เลยซิพับผ่า นั่นก็คือนาฬิกา นินจา  Ninja Time 
ยุคนี้หากเป็นนักคิดค้น นักประดิษฐ์มีไอเดียที่เป็นของตัวเอง แปลก ทันสมัย และใช้ได้ดีกับ Concept ที่ตรงยุคตรงสมัยในยุคดิจิตอล ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเสียจริง ๆ และนาฬิกานินจา  Ninja Time ก็เป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวออกมา  ฉีกกฎแห่งกาลเวลาเลยทีเดียว
Ninja Time หากเบื่อรูปทรงและรูปแบบของนาฬิกาข้อมือแบบเดิมๆ บ้างไหมครับ นาฬิกาที่มีเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาที ที่ทำให้คุณมองมันทีไร ก็เต็มไปด้วยความเร่งรีบ มาเปลี่ยนการดูนาฬิกาแบบใหม่ให้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกันดีกว่า
เห็นแล้วก็ต้องอดยิ้มไม่ได้ซิน่า บางครั้งทำงานเครียดไป หันมาดูนาฬิกาก็มาอมยิ้มสักหน่อย  ก็ทำให้คลายจากความเครียดลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย  หรือบางคนบอกว่าเครียดกว่าเดิมเพราะว่ามันเป็นเวลาเท่าไรแล้ว  ฮิฮิ.....  คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่ะ  หากขับมอเตอร์ไซด์ก็ต้องอย่าดูนานว่าเวลาเท่าใดน่ะครับ เดียวจะหาว่าไม่เตือน สำหรับเจ้า Ninja Time
Ninja Time ออกแบบมาให้คล้ายกับนินจาที่ใส่หน้ากาก คงไว้ให้เหลือแต่ดวงตาสองข้าง โดยนาฬิกาเรือนนี้ออกแบบโดย Andy Kurovets โดยวิธีอ่านเวลาก็ง่ายมากครับ โดย ดวงตาข้างซ้ายเป็นชั่วโมง ดวงตาข้างขวา เป็นนาที ซึ่งดวงตาแต่ละข้างก็คล้ายๆ ลูกตาที่คอยกลอกกลิ้งไปมา ทำให้การดูเวลาของคุณมีชีวิตชีวากมากขึ้น เพราะบางทีก็เหมือนนินจามองไปทางซ้าย, ขวา หรือบางทีก็ตาเหล่ มีใบหู ทั้งสองข้างใช้ในการปรับเวลา โดยสาย ทำมาจากพลาสติกขึ้นรูปให้เหมือนผ้าคลุมหน้าของนินจา ใครอยากได้ต้องรออีกนิดนะครับ เพราะตอนนี้ยังไม่มีออกมาวางจำหน่าย หากวางจำหน่ายเมื่อไร ผมจะรีบส่งข่าวถึงพี่น้องอย่างแน่นอน  ตอนนี้ก็ลองฝึกดูเจ้า Ninja Time ไปพลาง ๆ ก่อนว่าตอนนี้กี่โมงกันแล้ว    อิอิ......
ขอขอบคุณ สนุกดอดคอมที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

SEIKO Superior Limited Edition นาฬิกาแห่งผู้นำ กันน้ำ 100 เมตร มีเพียง 1000 เรือน ในไทย

SEIKO Superior Limited Edition นาฬิกาแห่งผู้นำ กันน้ำ 100 เมตร มีเพียง 1000 เรือน ในไทย
SEIKO“ไซโก” ถือว่าเป็นผู้นำแห่งนาฬิกาตัวจริงเสียงจริง นอกจากนี้ SEIKO มีการพัฒนานาฬิการแห่งผู้นำอย่างต่อเนื่อง พัฒนาด้านการออกแบบ ให้มีความมาตรฐานติดอันดับสากล เป็นผู้นำด้านเวลาที่คิดค้นความสวยงาม คลาสิก หาตัวจับได้ยากจริง ๆ สำหรับ SEIKO และก็มีผลิตภัณฑ์ด้านเวลาเป็นนาฬิกาหรูแห่งผู้นำ กันน้ำได้ึถึง 100 เมตร และมีเพียง 1000 เรือนเท่านั้นในประเทศไทย นั้นคือ “SEIKO Superior Limited Edition” [ไซโก ซูพีเรีย ลิมิเตด เอ็ดดิชั่น] 

“SEIKO Superior Limited Edition” [ไซโก ซูพีเรีย ลิมิเตด เอ็ดดิชั่น] ผู้นำด้านนวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลาจากประเทศญี่ปุ่น ขอนำเทคโนโลยีแห่งรหัสการสื่อสารระหว่างภาคพื้นดินกับทางอากาศมาผสานบนนาฬิกาแห่งความท้าทายรุ่นล่าสุด “SEIKO Superior Limited Edition” [ไซโก ซูพีเรีย ลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น] แอดเวนเจอร์วอทช์ ที่พร้อมตอบโจทย์อิสระแห่งการเดินทางไปพร้อมกับคุณ
“SEIKO Superior Limited Edition” [ไซโก ซูพีเรีย ลิมิเตด เอ็ดดิชั่น] ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติเครื่อง 4Rโดดเด่นกับตัวเรือนสีดำเข้มพร้อมเข็มทิศขนาดใหญ่ จัดเต็มกับฟั่งก์ชั่นสุดล้ำ ! หน้าปัดแสดงรหัสสื่อสารตามมาตรฐานสากลระหว่างภาคพื้นดินกับภาคอากาศ ในกรณีฉุกเฉินที่คุณต้องการขอความช่วยเหลือจากทีมค้นหาทางอากาศ โดยสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนั้นจะเป็นตัวกลางสำคัญในการสื่อสาร เช่น การนำกิ่งไม้ ก้อนหิน หรือหิมะ มาเรียงเป็นตัวสัญลักษณ์ โดยรหัสสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิกานั้น ได้แก่ ตัว Y เหนือขีดแสดงเวลาแทนตำแหน่งที่ 1 นาฬิกา หมายถึง Yes, ตัว F เหนือขีดแสดงเวลาที่ 4 นาฬิกา หมายถึง REQUIRE FOOD & WATER (ต้องการอาหารและน้ำ) และตัว LL เหนือขีดแสดงเวลาที่ 10 นาฬิกา แปลว่า ALL WELL (ทุกอย่างดี) เป็นต้น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำถึง 100 เมตร พิเศษสุด! กับความเป็น Limited Edition มีเพียง 1,000 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น ราคา 16,000 บาท


ร่วมจับจองเป็นเจ้าของนาฬิกาแห่งผู้นำ นาฬิกาแห่งความท้าทาย กับ “SEIKO Superior Limited Edition” [ไซโก ซูพีเรีย ลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น] ได้แล้ววันนี้ ที่เคาน์เตอร์ไซโกและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

SEIKO Monster The Fang Classic “เขี้ยว” นาฬิกาดำน้ำแห่งตำนานปีศาจสายพันธุ์ดุ

SEIKO Monster The Fang Classic “เขี้ยว” นาฬิกาดำน้ำแห่งตำนานปีศาจสายพันธุ์ดุ 
SEIKO นาฬิกาดำน้ำถือว่าเป็นนาฬิกาีที่มีความโดนเด่น มีคุณลักษณะเฉพาะจริง ๆ ที่นักสะสมนาฬิกาต่างนิยมสะสมกัน ด้วยการผลิตที่ปราณีต และดำน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร และมาพร้อมกับราคาที่ลงตัวจริง ๆ ด้วยราคาเพียง 16,700 บาทเท่านั้นเอง ทำเอาเจ้าเขี้ยวปีศาจขายดีมาก 

SEIKO Monster The Fang Classic จากฉายา "เขี้ยว" อันเนื่องมาจากตัวแสดงเวลาทำเหมือน เขี้ยว นั่นเองจึงได้รับฉายานี้ แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว    สำหรับการปรากฎโฉมครั้งใหม่ รับปี 2013  ตำนานแห่งอสูรกายแห่งท้องทะเล หนึ่งในใจนักสะสมนาฬิกาทั่วโลก ที่ต่างดิ้นรน เสาะหา เพื่อให้ได้มาซึ่ง SEIKO Monster อสูรกายสุดอึดแห่งท้องทะเลมาไว้ในครอบครอง 

มาวันนี้ Monster ได้พลิกโฉมตำนาน เปิดปฐมบทภาคใหม่ให้กับตำนานแห่ง นาฬิกาดำน้ำอีกครั้ง พร้อมปรากฎกายในรูปโฉมของอสูรกายพันธุ์ใหม่ ผู้สืบทอดตำนาน อสูรอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะฮีโร่พันธุ์แกร่งแห่งท้องทะเลลึก “The Fang Classic” (เดอะ แฟง คลาสสิก) “เขี้ยว” แห่งตำนานปีศาจสายพันธุ์ดุสุดคลาสสิก ทายาทรุ่นล่าสุด ซึ่ง ไซโก SEIKO ตั้งใจนำเสนอดีไซน์ที่เคลือบมนต์เสน่ห์ลุ่มลึก ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเขี้ยวของอสูรร้ายในจินตนาการ หน้าตาดุดัน แต่น่าค้นหา น่าครอบครอง และยังมาพร้อมเครื่องใหม่ 4R ให้คุณเลือกขึ้นลานได้ด้วยมือ หรืออัตโนมัติ แถมตั้งเวลาได้ละเอียดแม้วินาที เพื่อเอาใจสาวกปีศาจที่ต้องการจับจ้อง พร้อมใจกันออกตามล่าในทันทีที่ออกอาละวาด

SEIKO Monster The Fang Classic “เขี้ยว” แห่งตำนานปีศาจสายพันธุ์ดุ 
คุณสมบัติเฉพาะตัว
- ระบบกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร 
- โดดเด่นด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติ Cal.4R ทัมทิมในตัวเครื่อง 24 เม็ด ให้คุณ
สามารถเลือกขึ้นลานได้ด้วยมือและตั้งเวลาได้ละเอียดเป็นวินาที 
- โดดเด่นด้วย Index รูปเขี้ยว
- ชัดเจนด้วยลูมิไบรท์แรงๆ ที่เข็มและขีดบนหน้าปัด ตัวเรือน 
- มาพร้อมสายหนังสปอร์ต 
- มีเพียงสีละ 600 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น 
- ราคา 16,700 บาท

สำหรับท่านที่ชื่นชอบเจ้าเขี้ยวปีศาจ SEIKO Monster The Fang Classic ก็ลองแวะเวียนไปชมได้ที่ศูนย์ SEIKO ใกล้บ้านท่าน

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Cyrus Klepcys นาฬิกาหรูของแถม LykanHypersport ราคา 5.7 ล้าน

Cyrus Klepcys นาฬิกาหรูของแถมรถ LykanHypersport ราคา 5.7 ล้าน

นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys เวอร์ชั่นพิเศษที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.7 ล้านบาทไปอีกด้วย ซึ่งเป็นของสมนาคุณจากการจองรถยนต์ LykanHypersport ที่ราคาแพงที่สุดในโลก 110 ล้านบาท นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys จึงถือว่าเป็นของสมนาคุณที่ล้ำค่ามากสำหรับนักสะสมนาฬิการะดับคลาสสิก

นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys ตัวเรือนทำด้วยทองคำ ได้รับการออกแบบอย่างปราณีต นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys ถือว่าเป็นที่ไม่เหมือนกับนาฬิกาทั่ว ๆ ไปที่เราได้เห็นเพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys ได้รับการออกแบบพิเศษจริง ๆ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys


 นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่สะสมด้วยสนนราคาที่ไ่ม่ธรรมดา เหมาะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบจริง ๆ ด้วยราคาเพียง 5.7 ล้านบาท และยิ่งจะสูงขึ้นไปอีกหากผ่านวันเวลาก็คงไม่ต้องบรรยายสำหรับนาฬิกาหรู Cyrus Klepcys
หากดูตัวเรือนของนาฬิกาหรู Cyrus Klepcys ก็คงต้องบอกได้คำเดียวว่าสุดยอดจริง ๆ สำหรับนักคิดนักออกแบบนาฬิการะดับโลกอย่างแท้จริง 

นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys อยู่บนข้อมือของคุณสักเรือนแล้วรับรองได้เลยว่าคุณจะประทับใจไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียวสำหรับผู้ครอบครองนาฬิกาหรู Cyrus Klepcys

นายแบบหล่อ ๆ พร้อมด้วยนาฬิกาหรู Cyrus Klepcys

เข็ม ตัวเรือน นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys เห็นแล้วสุดยอดจริง ๆ เลย

นาฬิกาหรู Cyrus Klepcys ตัวเรือนได้ถูกประทับโค๊ตไว้เรียบร้อยทุกเรือนรับประกันความแท้แน่นอนแบบไม่ต้องสังสัย

ความละเอียดในทุกขั้นตอนของการผลิตก็เหมาะสมกับราคาของนาฬิกาหรู Cyrus Klepcys

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

SEIKO “ECO Watch” นาฬิกาพลังงานแสง ราคา 14,900 บาท

 SEIKO “ECO Watch” นาฬิกาพลังงานแสง ราคา 14,900 บาท
SEIKO นาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องประดับที่ใคร ๆ ก็ขาดไม่ได้สำหรับในชีวิตประจำวัน SEIKO จึงได้เอาใจแฟนคลับกันอย่างเต็มที่ด้วยการนำนาฬิกา ECO Watch ซึ่งเป็นนาฬิกาประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง  มาพร้อมกับรูปทรงที่สวยงาม สะดุดตา ซึ่งไม่ผิดหวังเลยสำหรับแฟน ๆ SEIKO หนึ่งในนวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลาสุดล้ำแห่งปี ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามแบบฉบับ “ECO Watch” กับ SEIKO Criteria Solar Limited Edition [ไซโก ไครทีเรีย โซลาร์ ลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น] สุดยอดนาฬิกาพลังงานแสง ที่ช่วยขับความเป็นพระเอกในตัวคุณ ในยุค Eco นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



SEIKO Criteria Solar Limited Edition [ไซโก ไครทีเรีย โซลาร์ ลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น] มาพร้อมกับระบบโครโนกราฟจับเวลาแบบ 1/5 วินาที นานถึง 60 นาที ผสานเทคโนโลยีระบบโซล่าร์มาขับเคลื่อนเรือนเวลา ที่สามารถเก็บสำรองได้ทุกพลังแสง  ทั้งจากแสงอาทิตย์และแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์  ได้ยาวนานถึง 6 เดือน อัพลุคสุดมั่นกับขอบหน้าปัดพร้อมมาตรวัด Tachymeter ที่ช่วยวัดความเร็วของวัตถุขณะเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ ลงตัวกับหน้าปัด Multi Layer  ที่ดูสปอร์ตล้ำแซงหน้ากว่าทุกเทรนด์ พร้อมลูมิไบรท์สีส้มร้อนแรง แข็งแกร่งด้วยตัวเรือนแสตนเลสสตีลเคลือบ Black IP และกระจก Sapphire ให้คุณสนุกกับทุกกิจกรรมด้วยประสิทธิภาพกันน้ำ 100 เมตร เอ็กซ์คลูซีฟผลิตเพียง 500 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น ราคาเรือนละ 14,900 บาท
คุณสมบัติเด่น
• นาฬิกาแนวสปอร์ต ตระกูล Criteria จาก SEIKO
• นาฬิกาจับเวลาดีไซน์สปอร์ต
• ตัวเครื่อง Seiko 7T92 Quartz Movement made in Japan.
• ภายในบรรจุกลไกควอทซ์
• หน้าปัดแสดงวันที่ และยังสามารถจับความเร็วของรถยนต๋ได้ด้วย 
• chronograph จับเวลาได้ละเอียด 1/20 วินาที นาน 12 ชม. 
• หน้าปัดสลักคำว่า Limited Edition ชัดเจน และสลักที่ฝาหลังพร้อมหมายเลขประจำเรือน
• เลขหลังเครื่องไม่ซ้ำกันแต่ละเรือนมีเพียงเรือนเดียวในโลก 
• ตัวเรือนสปอร์ต ขนาดตัวเรือน 42 mm ไม่รวมเม็ดมะยม 
• กระจกแซฟไฟร์กันรอย
• กันน้ำลึก 100 เมตร ฝาหลังแบบเกลียว
• อายุของแบตเตอรี่ประมาณ 2 ปี 

• แฟนพันธุ์แท้ seiko ห้ามพลาด,น่ามีไว้สะสมและสวมใส่หรือฝากคนที่คุณรัก
• พร้อมกล่องนาฬิกา Seiko,คู่มือการใช้งาน,รับประกันศูนย์ 1ปี
• หากพบเป็นสินค้าปลอมยินดีคืนเงินเต็มจำนวน
• สินค้าใหม่แกะกล่อง,ของแท้ 100%  

SEIKO จึงได้ถือโอกาสนำนาฬิกาประหยัดพลังงานมาให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เป็นเจ้าของร่วมจับจองเรือนเวลาลุคโมเดิร์นสปอร์ต กับ SEIKO Criteria Solar Limited Edition [ ไซโก ไครทีเรีย โซลาร์ ลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น] ได้แล้ววันนี้ได้แล้ววันนี้ ที่เคาน์เตอร์ไซโกและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ROLEX ของแท้ ของปลอม วิธีการสังเกตุ

ROLEX ของแท้ ของปลอม วิธีการสังเกตุ
ROLEX นับว่าเป็นนาฬิกาที่มีราคาแพงมาก และเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดสำหรับนัำกสะสม หรือว่านักเล่นนาฬิกาต่างก็ยกนิ้วให้ว่า ROLEX นั้นเป็นที่ยอมรับในวงการนาฬิกาโดยแท้  วันนี้ขอนำวิธีในการสังเกตว่านาฬิกาเป็น Rolex แท้หรือปลอม     มีสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องจำไว้ให้มั่นคือ      “ Rolex เป็นนาฬิกา ที่สมบูรณ์แบบ”         
                                

Rolex ได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ทำอะไร เกินมาตรฐาน ซึ่งท่านคงอ่านผ่านตาในกระทู้ต่าง ๆ ของEXPERT ที่ตอบไปพอสมควรแล้ว Rolex จะไม่ทำอะไรแค่พอผ่าน ๆ ออกมาจำหน่ายในตลาดอย่างเด็ดขาด ดังนั้น หากมีรายละเอียดหรือวัสดุที่ทำให้คุณรู้สึก สงสัย นั่นคือ คุณอาจเจอ
ของปลอมเข้าให้แล้ว !!


ROLEX ต่อไปนี้ เป็นข้อสังเกตบางประการที่เปรียบเทียบระหว่าง Rolex แท้กับของปลอม ซึ่งเราจะต้องเข้าใจไว้ก่อนว่า มูลค่าตลาดของปลอมนั้นมหาศาล  จึงจูงใจให้เทคโนโลยีในการปลอมสูงขึ้นและดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้อผิดพลาดหลายจุดที่เขียนไว้นี้อาจใช้ไม่ได้กับนาฬิกาปลอมระดับ A บางรุ่น อย่างไรก็ตามหากคุณได้สัมผัสและคุ้นเคยกับ Rolex แท้บ่อย ๆ เข้าคุณจะสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้โดยไม่ยากนัก

  • น้ำหนัก  Rolex แท้ทุกเรือนจะผลิตด้วยเหล็กกล้าอย่างดี (904 L)  ถ้าเป็นสีทองก็จะเป็นทองแท้ 18 หรือ แพลตตินั่ม ซึ่งจะทำให้มีนำหนัก หนักเป็นพิเศษ ในขณะที่ของปลอมจะทำด้วยเหล็กที่มีคุณภาพต่ำกว่า ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าด้วย
  • สีสัน  ของแท้โดยเฉพาะสีทอง 18 K จะมีความเงางามและงดงาม ซึ่งจะต่างจากของปลอมที่จะใช้
    ทอง 
    14 K หรือชุบทองจึงให้ทำมีสีเหลืองจัดจ้านเกินไปหรือออกสีโทนส้ม และ/หรือ เงาเกินไป
  • การเคลื่อนไหวของเข็มวินาที (กรณีไม่ใช่ระบบคว็อตซ์)  ของแท้จะมีการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นกว่า
    ด้วยความถี่ประมาณ 5-8 ครั้งต่อวินาทีจึงดูราบเรียบไม่กระตุกเหมือนกับของปลอมที่จะทำความถี่
    ได้เพียง 3-4 ครั้งต่อวินาทีเท่านั้น
  • ฝาหลัง จำไว้ว่า Rolex ไม่เคยผลิตนาฬิกาหลังเปลือย (ฝาหลังเป็นกระจก)    นี่คือข้อผิดพลาดที่เห็นง่ายที่สุดของนาฬิกา Rolex ปลอม
  •  Marking ที่ฝาหลัง  Rolex ส่วนใหญ่จะไม่มี Logo และเลขรุ่นหรือข้อมูลใด ๆ สลักอยู่บนฝาหลัง ยกเว้นบางรุ่นดังนี้
Rolex ของผู้หญิงบางรุ่นที่ผลิตก่อนทศวรรษที่ 90 ซึ่งจะมีคำว่า Original Rolex Design หรือคล้าย ๆ กัน แกะสลักเป็นแนวโค้งตามขอบตัวเรือน รวมถึง Rolex รุ่นเก่า ๆ บางรุ่นที่อาจมี Logo รูปมงกุฎ อยู่ด้านบน และ/หรือ Serial no. อยู่ด้านล่างของฝาหลัง
 รุ่น Sea-Dweller ที่มีคำว่า  ROLEX OYSTER ORIGINAL GAS ESCAPE VALVE”
รุ่น Submariner และ Sea-Dweller Comex ซึ่งแกะสลักคำว่า  Rolex และ COMEX พร้อมด้วยตัวหนังสือ 2 , 3 หรือ 4 หลัก (รุ่นนี้เป็นรุ่นที่นักสะสมต้องการและมีการปลอมกันมากในต่างประเทศ)
นาฬิกาปลอมส่วนใหญ่มักจะนิยมแกะสลัก Logo รูปมงกุฎ เลขรุ่น รวมทั้ง serial no. ไว้บนฝาหลังเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้ว Rolex จะไม่ทำลวดลายใด ๆ และจะมีฝาหลังเกลี้ยง ๆ เป็นส่วนใหญ่

  •    สติ๊กเกอร์ที่ฝาหลัง  ของแท้จะเป็นลาย hologram    ซึ่งจะดูสวยงามและเป็นลักษณะ 3 มิติ  มีรุปมงกุฎอยู่ตรงกลางเหนือ เลขรุ่น  อย่างไรก็ตามเมื่อใส่ไปนาน ๆ ตัวลาย hologram จะจางหายไปและอาจเหลือเพียงร่องรอยของตัวมงกุฎและเลขรุ่นเท่านั้น  sticker ของปลอม     จะเลียนแบบไม่ได้เหมือนของจริง กล่าวคือลายจะดูเรียบ ๆ ไม่เป็นสามมิติ รวมทั้งเลขรุ่นมักจะไม่ค่อยตรงกับข้อเท็จจริง                                                 
  • กระจก Rolex จะใช้กระจก แซฟไฟร์ (รุ่นเก่าก่อนปี 1991 อาจจะมีเป็นเซลลูลอยด์) ในขณะที่ของปลอมถ้าใช้กระจกธรรมดาจะสังเกตุได้ง่ายคือ บริเวณขอบกระจกที่ยื่นขึ้นมาจากของหน้าปัด(Beveled edge) เราจะมองเห็นเป็นสีกระจกออกเขียว หรือขาวขุ่น  ขณะที่ของแท้เราจะเห็นเป็นสีเรียบใส  นอกจากนี้เรามีวิธีทดสอบง่าย ๆ ว่ากระจกเป็นแซฟไฟร์ หรือไม่ ทำได้โดยการหยดน้ำลงบนกระจก ถ้าน้ำรวมตัวกันเป็นก้อนแสดงว่าเป็นแซฟไฟร์  แต่ถ้าน้ำไม่รวมตัวกันแสดงว่าเป็นกระจกธรรมดา
  • ตัวเลนส์ขยายดูวันที่   ของแท้จะมีกำลังขยายถึง 2.5 เท่า  ทำให้เราสามารถอ่านวันที่ได้ง่ายชัดเจนเต็มหน้าจอ  ซึ่งคุณจะสังเกตุเห็นความแตกต่างของขนาดตัวเลขวันที่ จากการมองผ่านเลนส์กับมองโดยไม่ผ่านเลนส์               
    ของปลอมส่วนใหญ่จะสามารถขยายได้เพียง 1.5 เท่า  ทำให้ตัวเลขดูเล็กกว่า อีกทั้งการจัดวางตำแหน่งทั้งตัวเลนส์และตัวเลข ยังทำได้ไม่ค่อยดีด้วย

  • พรายน้ำ นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา Rolex ได้เปลี่ยนการใช้พรายน้ำจาก Tritium มาเป็น Super Luminova ซึ่งมีความสว่างกว่าเดิมถึง 10 เท่า  Super Luminova จะมีคุณสมบัติที่ดีคือไม่มีอายุการใช้งาน (ซึ่งแต่เดิม tritium จะมีอายุใช้งานประมาณ 12 ปี) และจะทำงานโดยการชาร์ตกับแสงไฟ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากหลอดไฟ หรือแสงอาทิตย์ ดังนั้น หากเป็นนาฬิกาที่ผลิตตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา หากคุณพบว่าพรายน้ำไม่สว่าง ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นของปลอมหรือไม่ก็เป็นของแท้ที่มีปัญหา
  • ยางมะยม Triple lock ที่ใช้กับรุ่น Submariner, Sea Dweller และ Daytona เมื่อเราคลายเกลียวดึงมะยมออกมา จะเห็นยางเส้นเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งตรงนี้ ของปลอมส่วนใหญ่จะละเลยไป 
  •  การหมุนมะยม  เมื่อคลายเกลียวออกมาในตำแหน่งที่ 1 เพื่อการไขลาน หากมีความรู้สึกไม่แน่นหรือไม่ราบเรียบ หรือมีเสียงผิดปกติ ก็จะเป็นข้อสังเกตอีกอย่างว่านาฬิกาไม่ได้คุณภาพ
  • Hacking Feature คือเมื่อเราดึงมะยมออกมาในตำแหน่งที่ 2 สำหรับการตั้งเวลา เข็มวินาทีจะต้องหยุดเดิน ซึ่งระบบนี้เรียกว่าHacking Feature ซึ่ง Rolex คิดค้นขึ้นมาใช้เมื่อตอนต้น ทศวรรษที่ 70 ดังนั้น หากเป็นนาฬิกาที่ผู้ขายอ้างว่าเป็นนาฬิกาVintage ผลิตก่อนปี 1970 เมื่อดึงมะยมออกมาตั้งเวลา หากเข็มนาทีหยุด แสดงว่าเป็นของปลอม ในทางกลับกัน หากเป็นนาฬิกาหลังยุค 70 หากดึงมะยมออกมาตำแหน่งตั้งเวลาแล้วเข็มวินาทียังเดินอยู่แสดงว่าเป็นของปลอมเช่นเดียวกัน
  • วันที่ ตัวเลขแสดงวันที่ ทุกตัวตั้งแต่ 1 ถึง 31 จะต้องคมชัดและวางตำแหน่งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของหน้าต่างเลนส์ขยาย ซึ่งตรงนี้ดูเหมือนง่าย แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำได้ยากซึ่งของปลอมมักจะไม่สามารถทำได้  คุณควรหมุนดูวันที่ให้ครบถ้วนมากที่สุด หากมีตัวเลขตัวหนึ่งหรือหลายตัวอยู่ชิดข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป นั่นแสดงว่าน่าจะเป็นของปลอม อีกประการหนึ่ง พื้นสีของปลอมมักจะออกสีขาวอมเหลือง (Off-White)
  • Quick set & Double quick set Feature ในยุคก่อนที่จะปรับตั้งวันหรือวันที่ด้วยมะยมได้ นาฬิกาจะเปลี่ยนวันที่โดยการหมุนของเข็มเวลาผ่านเวลาเที่ยงคืนเท่านั้น  ระบบ Quick set เกิดขึ้นเพื่อความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถตั้งวัน และวันที่ ผ่านทางมะยม ซึ่งระบบ Quick set (ตั้งวันที่) ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1970  ส่วน Double  quick set (ตั้งวัน และวันที่) เริ่มนำมาใช้เมื่อตั้งแต่ปลายปี 1990  สิ่งที่เราควรตรวจสอบก็คือ ทดลองหมุน ตั้งวันและวันที่ หากการเปลี่ยนมีการกระตุก หรือติดขัด หรือหมุนแล้วรู้สึกหลวม ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนตัว แสดงว่าเป็นของปลอม หรือ เป็นของแท้ที่มีปัญหาสภาพไม่ดี
  • ฟังก์ชั่นพิเศษต่าง ๆ  นาฬิกาที่ทำเลียนแบบส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ ให้เหมือนกับของจริง ตัวอย่างเช่น รุ่น Daytona จะมี 3 หน้าปัดย่อย กล่าวคือที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะคำนวณจับเวลาเป็นนาที ตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกาบอกชั่วโมง แต่ที่บริเวณเลข 6 นาฬิกาจะไปหน้าปัดย่อยพร้อมด้วยเข็มวินาทีที่เดินตามปรกติซึ่งจะต้องหมุนเดินทันทีเมื่อมีการขึ้นลานแล้ว ส่วนเข็มวินาทีที่ใช้จับเวลาจะเป็นเข็มใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดเหนือเข็มนาที ซึ่งเราจะต้องเช็คฟังก์ชั่นต่าง ๆ เหล่านี้ เช่นเมื่อกดปุ่มจับเวลา เข็มนาทีใหญ่ด้านบนสุดจะต้องเริ่มทำงานและเข็มที่หน้าปัดย่อยก็จะต้องเดินตามฟังก์ชั่นด้วย
  • Marking บนหน้าปัด  ของปลอมจะมีคุณภาพการพิมพ์ด้อยกว่า ซึ่งสามารถเห็นได้โดยแว่นขยาย  ถ้าส่องดูจะพบรอยขีดข่วนบนหน้าปัด ฝุ่นละออง จุดหรือ คราบเล็กๆบนตัวหนังสือ ขนาดตัวหนังสือ รวมทั้ง Font ที่ใช้ จะแตกต่างจากของจริง
  • ขอบหน้าปัด (Bezel) รุ่นที่เป็นนาฬิกา Sport เช่น Submariner, Sea-Dweller และ GMT ตัวขอบหน้าปัดที่มีสเกลจะหมุนได้แน่นแต่ราบรื่น (มี 120 คลิก หรือ 2 คลิก ต่อ 1 วินาทีของปลอมจะมีลักษณะหลวมหรือ แน่นเกินไปเสียงที่หมุนจะดังกว่า และมีเพียง 60 คลิกเท่านั้น
  •  One way Gas escape Valve รุ่น Sea-Dweller จะมีช่องวงกลมเล็กๆอยู่ตรงข้ามเม็ดมะยมซึ่งทำหน้าที่ปล่อยอากาศเพื่อลดแรงดันในเวลาที่อยู่ภายใต้สภาพแรงกดดันเมื่อดำน้ำลึก ซึ่งของปลอมส่วนใหญ่จะไม่มี Valve นี้อยู่ให้เห็น
  • Micro-Etching    Rolex ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา จะมี Logo รูปมงกุฎที่เล็กมากอยุ่บนตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเช่นเคยของแท้จะมีลักษณะสวยงามคมชัด และสัดส่วนที่ถูกต้อง
  • หมายเลขรุ่น (Case Reference Number)  ที่บริเวณด้านข้างตัวเรือนที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา จะมีตัวเลขแกะสลัก ซึ่งเมื่อถอดสายออกจากตัวเรือนก็จะสามารถมองเห็นได้ ซึ่งจะทำให้สามารถเทียบเคียงสิ่งที่บอกไว้ตามตัวเลขกับนาฬิกาจริงตรงกันหรือไม่ กล่าวคือ Rolex ในยุคก่อน 80 จะมีตัวเลข 4 หลัก แกะสลักไว้ จนกระทั่งประมาณปี 1985 จึงเริ่มมีตัวเลข 5 หลักอย่างเป็นระบบเพื่อบอกลักษณะนาฬิกาบางประการดังนี้ ตัวเลข 3 หลักแรก  จะบอกถึง รุ่น หรือ collection นาฬิกาเรือนนั้นตัวเลข หลักที่ 4  จะบอกถึง ประเภทของขอบหน้าปัด (Bezel)ตัวเลข หลักที่ 5  จะบอกถึง วัสดุที่ใช้               ตัวอย่างเช่น รุ่น  16233
  • 162 หมายถึง  รุ่น Datejust
    หมายถึง Fluted Bezel
     3 ตัวท้าย หมายถึง สแตนเลสกับทอง
    จนถึงปี 2000 ได้เปลี่ยนเป็น 6 หลักอีก โดยเพิ่มเลข 1 เข้าไปด้านหน้า เช่น Daytona รุ่น 16523 ก็เป็น 116523
             

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

นาฬิกาวัดระดับความ "เมา"

นาฬิกาวัดระดับความ "เมา"
หากพูดคำว่า "เมา" หลายคนคงยอมรับยาก หรือบางคนไม่ยอมรับกันเลยทีเดียว  หากขับรถยนต์ไปเจอด่านตรวจก็บอกกับตำรวจว่า ไม่เมา ไม่เมา  ซึ่งหลายคนพูดกันแบบนี้จริง ๆ ซิน่า  และเป็นปัญหากับนักดื่มยิ่งนักว่าตัวเองดื่มนิดเดียวเองอะไรประมาณนี้  แต่ถ้ามีนาฬิกาวัดระดับความเมา ก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะได้รู้ว่าเมาหรือไม่เมา ไม่ต้องมาเถียงกับใครให้เหมื่อย   แต่ผมเชื่อว่า คุณผู้อ่านคงจะเคยผ่านหูกันมาบ้าง สำหรับนาฬิกาข้อมือจากบริษัทผู้ผลิตที่่ชื่อว่า Tokyoflash ซึ่งจุดเด่นของผู้ผลิตรายนี้ก็คือ นาฬิกาข้อมือของเขาจะมีรูปแบบ และดีไซน์ของการใช้งานไม่ธรรมดา โดยเฉพาะการอ่านเวลาบนหน้าปัด ล่าสุดทางบริษัทได้เผยดีไซน์นาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันเอาใจนักเที่ยว นั่นก็คือ การตรวจสอบระดับความ"เมา"ของคุณ

Tokyoflash Japan Product Studio เผยดีไซน์ และการทำงานของนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน Alcohol Test (ตรวจสอบระดับอัลกอฮอล์ในเลือด) ภายในเครื่อง โดยคอนเซปต์ของการออกแบบจะคล้ายๆ กับเครื่องตรวจสอบลมหายใจของคุณว่า สดชื่น หรือไม่? เพียงแค่ปลดล็อคด้านข้างของตัวเรือน แล้วเป่าลมเข้าไป หน้าจอของนาฬิกาข้อมือดิจิตอลจะเปลี่ยนจากตัวเลขเป็นระดับการตรวจวัด พร้อมแจงเปอร์เซ็นต์ของระดับความเมาให้คุณได้ทราบภายในอึดใจ


นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้จะมีหน้าจอ LCD และแบคไลท์เป็น LED ที่สว่างสดใส แถมยังแสดงผลบนหน้าปัดเป็นตัวเลขขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน ทางบริษัทคงตระหนักดีว่า หากมีลูกเล่นในการอ่านเวลา คงจะทำให้นักดื่มไม่รู้เวล่ำเวลาอย่างแน่นอน เพราะทางบริษัทมั่นใจว่า แม้เมายันเช้าก็ยังมองเห็นข้อมูลบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจน ฮึม...เหมาะสำหรับเป็นนาฬิกาข้อมือสำหรับขี้เมาโดยแท้
เพียงแค่ปลดล็อค แล้วก็เป่าลมเข้าไป เพียงแค่นี้เราก็จะรู้แล้วว่า "เมา" หรือ "ไม่เมา" ไม่ต้องมาเถียงกับใครให้วุ่นวาย
หากเราเป่าลมเข้าไปแล้ว เพียงแค่สังเกตุแถบสี ก็จะทราบว่าเรา "เมา"  "ไม่เมา"  ก็ดูความาเข็มของสีก็รู้แล้ว หากขึ้นสีแดง ก็ไม่ต้องบอกว่าเรา  "เมา" หรือ "ไม่เมา"


วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

นาฬิกาหรู ราคาแพง สำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะ

นาฬิกาหรู ราคาแพง สำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะ
นาฬิกาหรูราคาแพง เป็นของสะสมที่หลาย ๆ คนชอบสะสม แม้ในยามเศรษฐกิจตกต่ำก็ตาม สำหรับนาฬิกาหรูราคาแพง สำหรับผู้ชายนั้น ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม แต่มูลค่าของนาฬิกาก็เพิ่มขึ้นมากมาย และเป็นที่นิยมสะสมของผู้ที่ชื่นชอบอยู่เสมอไ่ม่เคยเปลี่ยนแปลง  ดูอย่างเศรษฐกิจของยุโรปจะชะงักลงไปบ้าง แต่อุตสาหกรรมนาฬิกาไม่เคยหยุดสร้างสรรค์จักรกลชิ้นเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดนาฬิกาในจีนและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียกำลังเติบโตสวนทางภาวะเศรษฐกิจยุโรปอยู่นั่นเอง


          เวลานี้คือโอกาสทองของผู้ผลิตนาฬิกา ในการสร้างผลงานชิ้นเอกออกมาเอาใจชาวเอเชีย นาฬิกาหลากแบรนด์ต่างทยอยเปิดตัวโดยชูจุดเด่นกันออกมาแข่งขันกันอย่างหลากหลาย ตั้งแต่หน้าปัดใหญ่เป็นพิเศษ ใช้วัสดุโลหะที่มีความทนทานสูง กันน้ำได้ลึกกว่าใคร หรือมีมาตรฐานเดียวกับนาฬิกาของนักบิน เป็นต้น

          ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้นำเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับนาฬิกา จากนิตยสารจีเอ็ม (GM) รวมรวมนาฬิกาโลหะที่เหมาะกับหนุ่ม ๆ รวมแล้ว 13 เรือน มาให้คุณได้ชมกัน ไม่แน่นะ ถ้าคุณได้เห็นแล้วอาจถึงกับหลงใหลในบางเรือน จนกระทั่งต้องขอปวารณาตัวเป็นเจ้าของเลยก็เป็นได้ หรือยากที่จะสะสมก็เป็นได้


Parmigiani Pershing Chronograph

          ผลงานจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์เครื่องบอกเวลาคุณภาพสูง "Parmigiani" และผู้ผลิตเรือยอชท์แบรนด์อิตาลีชื่อดัง "Pershing" ได้ร่วมกันเนรมิตจนได้ออกมาเป็นนาฬิกาสไตล์สปอร์ตที่เอาใจคุณสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ ด้วยความโดดเด่นของตัวเรือนขนาดใหญ่ 45.0 มิลลิเมตร เที่ยงตรงด้วยการทำงานของกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติจับเวลาผ่านหน้าปัดย่อย พร้อมฟังก์ชันการแสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ 6 นาฬิกา มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล รับกับตัวเรือนได้อย่างลงตัวราคาประมาณ 18,500 เหรียญ

Chopard Mille Miglia Sport Classic

          หนึ่งในคอลเลคชั่นอันเลื่องชื่อ มิลล์ มิเกลีย (Mille Miglia) มาพร้อมการทำงานของกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ เล่นด้วยคุณสมบัติการจับเวลาพร้อมแกะสเกล Tachymeter สำหรับวัดระยะความเร็วอยู่ที่ขอบตัวเรือน สามารถจับความเร็วโครโนกราฟ 1/5 วินาที สำรองพลังงานได้นานถึง 40 ชั่วโมง ตัวเรือนแกร่งทนทานกับวัสดุสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง พื้นหน้าปัดสีดำสุดเท่ จับเวลาชั่วโมง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา จับเวลานาที ณ 9 นาฬิกา และแสดงวินาทีผ่านหน้าปัดย่อยที่ 3 นาฬิกา ราคาประมาร 8,000 - 10,000 กว่าเหรียญ

Zenith El Primero Stratos Flyback

          นับว่าเป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่สง่างามที่สุดก็ว่าได้ หน้าปัดมีขนาด 45.5 มิลลิเมตร ผนึกกระจกหน้าปัดด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ ตัวเรือนและสายนาฬิกาผลิตจากสเตนเลสสตีลตกแต่งด้วย Alchron สีดำขลับ มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ El Primero 405B ความถี่ 36,000 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้นานถึง 50 ชั่วโมง ระบบจับเวลาโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีล อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ ในหน้าปัดย่อยสำหรับจับเวลา 30 นาที 12 ชั่วโมง และบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 3 6 และ 9 นาฬิกา ตามลำดับ บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ 6 นาฬิกา และกันน้ำได้ลึกกว่า 100 เมตร ราคาก็มีหลายราคาให้เลือก ราคาประมาณ 8,000 เหรียญ ขึ้นไป

Fortis F-43 Flieger

          ถือเป็นปีครบรอบ 100 ปีพอดิบพอดี สำหรับ Fortis นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ๆ จึงปรากฏตัวเพื่อเฉลิมฉลอง หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหน้าปัดสีดำสนิทตัดกับสายโลหะมันวาวเรือนนี้ ใช้ระบบกลไกอัตโนมัติ Valjoux 7750 ความถี่ 28,000 ครั้ง/ชั่วโมง มาพร้อมระบบจับเวลาโครโนกราฟ 30 นาที ในหน้าปัดย่อย 12 นาฬิกา และจับเวลา 12 ชั่วโมงในหน้าปัดย่อย 6 นาฬิกา ส่วนหน้าปัดย่อยบอกวินาทีอยู่ตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา พร้อมบอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ 3 นาฬิกา และกันน้ำได้ลึก 200 เมตร ราคาก็หลายแบบให้เลือก ก็ประมาณ 20,580 เหรียญ 

Bremont ALT1-C Classic

          ความเชี่ยวชาญของการประดิษฐ์นาฬิกาสำหรับนักบิน ได้ผันแปรมาสู่นาฬิกาเรือนนี้ มาพร้อมระบบกลไกอัตโนมัติ Calibre 13 1/4” BE-50AE ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ รับรองโดยสถาบัน COSC สำรองพลังงาน 42 ชั่วโมง ขนาด 43.0 มิลลิเมตร แสดงผลจับเวลาด้วยระบบโครโนกราฟบนหน้าปัด ตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล ด้านหลังเผยให้เห็นตัวเครื่องผ่านกระจกคริสตัล ทว่าผนึกแน่นหนาด้วยสกรูถึง 5 ตัว กันน้ำได้ลึก 100 เมตร

Audemars Piguet Selfwinding Royal Oak

          ตัวเรียนสเตนเลสสตีลในรูปลักษณ์สปอร์ตของคอลเลคชั่นรอยัล โอ๊ค เจิดจรัสมายาวนานกว่า 40 ปีแล้ว ในครั้งนี้จึงปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 41.0 มิลลิเมตร จากเดิม 39.0 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น คือ หน้าปัดสีน้ำเงินหรือโทนสีเงิน หรือตัวเรือนทองชมพูคู่กับหน้าปัดสีดำหรือโทนสีเงิน บรรจุกลไกอัตโนมัติ Calibre 3120 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้นาน 60 ชั่วโมง ขับเคลื่อนการแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีผ่านเข็มชี้ บอกวันที่ทางช่องหน้าต่าง กันน้ำได้ลึก 50 เมตร

Rolex Oyster Perpetual Sky-Dweller

          เพียงเอ่ยชื่อรุ่น Oyster ทุกคนล้วนนึกถึงการประสานกันของความสง่าและความแข็งแกร่ง สำหรับรุ่นนี้ติดตั้งกลไกใหม่ คาลิเบอร์ 9001 ตัวเรือนขนาด 42.0 มิลลิเมตร มาพร้อมสวิสโครโนมิเตอร์ ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการจากสถาบัน COSC บอกเวลา 2 โซน มีนวัตกรรมปฏิทินปี SAROS และการบอกเดือนด้วยช่องสี่เหลี่ยม บนเส้นรอบวงของหน้าปัดที่ไล่เรียงตามลำดับเดือนจำนวน 12 ช่องขอบตัวเรือนหมุนได้ Ring Command

TAG Heuer Carrera Calibre 17 Jack Heuer 80th Birthday Limited Edition

          คอลเลคชั่นสุดพิเศษ ผลิตขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบอายุ 80 ปีของ แจ็ค ฮอยเออร์ ลูกชายของผู้ก่อตั้งนาฬิกายี่ห้อนี้ ดังนั้นจึงพิถีพิถันกันตั้งแต่ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงา หน้าปัดนาฬิกาขนาด 43.0 มิลลิเมตร กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ เคลือบสารกันแสงสะท้อน ติดตั้งกลไกอัตโนมัติ Calibre 17 แสดงผลการจับเวลาและบอกวันที่ บนหน้าปัดสีเงิน แต่งด้วยลวดลายรัศมีดวงอาทิตย์ เคียงคู่มากับโลโก้ Red Heuer สีแดงเด่นสไตล์วินเทจ กันน้ำได้ลึก 100 เมตร

Maurice Lacroix Les Classiques Chronographe Phase de Lune

          นาฬิกา มอริส ลาครัวซ์ ไม่ต่างอะไรจากผลงานศิลปะชิ้นเอก แม้เรือนนี้จะมาในรูปลักษณ์สปอร์ตหรูด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 40.0 มิลลิเมตร แต่อ่อนช้อยด้วยกลไกควอตช์โครโนกราฟ ML49 พร้อมหน้าปัดมีให้เลือกระหว่างสีเงินและสีดำ ขณะที่หน้าปัดย่อยแสดงผลการจับเวลา 30 นาที และ 60 วินาที จัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 10 และ 2 นาฬิกาตามลำดับ แสดงข้างขึ้น-ข้างแรมบนแผ่นดิสก์และบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา

Tudor Pelagos

          มรดกตกทอดจากอดีตยาวนานกว่า 60 ปีของทิวดอร์รังสรรค์ออกมาเป็นนาฬิการุ่น เพลากอส ที่ว่ากันว่าทนทานเป็นที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะกันน้ำได้ลึกถึง 500 เมตร แต่อีกส่วนเป็นผลมาจากวัสดุไทเทเนียมและเหล็กกล้าของตัวเรือน กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ มาพร้อมขอบตัวเรือนไทเทเนียมหมุนได้ทางเดียวพร้อมขอบเซรามิกสีดำ กลไกไขลานอัตโนมัติพลังงานสำรองประมาณ 38 ชั่วโมง

Baume & Mercier Hampton 10047, 10048
          โบม เอต์ แมร์ชิเยร์ มาพร้อมความโดดเด่นของงานออกแบบสายสเตนเลสสตีลขัดเงาและขัดด้านซาติน รวมถึงตัวพับล็อกสายแบบ 3 ชั้นขึ้นใหม่ให้กับ 2 รุ่นในปีนี้ บรรจุด้วยกลไกอัตโนมัติ ETA 2895 ประกอบทับทิม 27 เม็ด แยกแสดงวินาที บนหน้าปัดเล็กที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และแสดงวันที่ผ่านช่อง หน้าต่างที่ 3 นาฬิกา ผนึกฝาหลังด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใสหรือฝาหลังสเตนเลสสตีลสำหรับงานแกะสลักข้อความเฉพาะบุคคล โดยกันน้ำได้ลึกระดับ 50 เมตร

IWC Pilot’s Watch Chronograph (Ref.3777)

          ความแข็งแกร่งดุดันไม่เคยลดความภูมิฐานสุดคลาสสิกของไอดับเบิลยูซี พรั่งพร้อมด้วยสมรรถนะแห่งความเที่ยงตรงฟังก์ชั่น และความไว้วางใจได้จากการทำงานของกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre 79320 สำรองพลังงานได้นาน 44 ชั่วโมง แสดงวันที่และวัน ฟังก์ชั่นจับเวลา และปกป้องจากอิทธิพลของสนามแม่เหล็กด้วยการติดตั้งเหล็กนุ่มด้านในของตัวเรือน ภายนอกทำจากสเตนเลสสตีลขนาด 43.0 มิลลิเมตร

Omega Speedmaster Racing
          นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1957 จนพัฒนามาสู่เวอร์ชั่นล่าสุด โอเมก้าไม่เคยทำให้ผิดหวังในการบอกเวลาอันเที่ยงตรง สำหรับรุ่นนี้มีขนาด 40.0 มิลลิเมตร บรรจุกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre 3330 ติดตั้งคอลัมน์วีล และบาลานซ์สปริง Si 14 Silicon ผนึกกระจกคริสตัลแซฟไฟร์จับคู่กับตัวเรือนและสายนาฬิกาสเตนเลสสตีลอันทนทานกันน้ำได้ลึก 100 เมตร

          นาฬิกาสุดหรู สุดคลาสสิกนี้ เป็นนาฬิกาที่มีค่ามากมาย นาฬิการาคาแพงสำหรัีบท่านชาย นาฬิกาที่มีระดับ ใครที่เป็นนักสะสมไม่ควรพลาด เพราะมูลค่าของนาฬิกาหรูเหล่านี้ มีราคาที่เพิ่มขึ้นตามปี เหมือนราคาพระ หรือราคาทองก็ว่าได้